วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Thanksgiving Day

เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day
วันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day เป็นวันที่คนอเมริกันขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ที่ดลบรร ดาลให้นักแสวงบุญมาตั้งอาณานิคมใหม่ รอดชีวิตมาได้ตั้งแต่ครั้งปีคริสตศักราช 1620 หรือพุทธศักราช 2163 สมัยกรุงศรีอยุธยาของเรา
สมัยนั้น คณะนักจาริกแสวงบุญที่เรียกกันว่า พวก pilgrims นิกายศาสนาบริสุทธิ์ หรือ Puritanismออกเดินทางจากอังกฤษ โดยเรือ Mayflower มาตั้งถิ่นฐานในอเมริกาโดยมาขึ้นบกที่เมือง Plymouth มลรัฐ Massachusetts และตัดสินใจจัดตั้งอาณานิคมพลิมัธ หรือ Plymouth Colony ขึ้น พวกพิลกริมส์ ทำไร่ไถนา ออกป่าล่าสัตว์ และจัดตั้งบ้านเรือนโดยมีผู้ว่าการรัฐ William Bradford และ Miles Standish เป็นผู้นำในฤดูใบไม้ร่วงปีรุ่งขึ้น หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว พวกพิลกริมส์เลยจัดให้มีงานเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้า ที่ช่วยดลบรรดาลให้รอดชีวิตในดินแดนใหม่มาได้ครบ 1 ปี เนื่องจากในช่วงแรกนั้นพวกพิลกริมส์ที่ทนความหนาว ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บไม่ไหวต้องพากันล้มตายไปถึงเกือบครึ่งอาณานิคม
ในงานเลี้ยงขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกนั้น พวกพิลกริมส์ได้เชิญชาวอินเดียนแดงพื้นเมือง เผ่า Wampnaug มาร่วมรับประทานด้วยเนื่องจากว่า ชาวอินเดียนแดง เป็นผู้สอนพวกพิลกริมส์ ให้เพาะปลูกข้าวโพดและพืชผลพื้นเมืองอื่นๆ ไว้เป็นอาหาร
งานเลี้ยงครั้งนั้น ประกอบไปด้วย ไก่งวง เป็ด ห่าน ปลาค้อดและข้าวโพด ส่วนชาวอินเดียนแดง ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงก็ออกไปล่ากวางมาเป็นอาหารร่วมด้วยในสมัยถัดมา ชาวอาณานิคม ฉลองวันขอบคุณพระเจ้าติดต่อกันมาทุกปีแต่ไม่ได้มีการประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุด ที่มีการฉลองกันทั่วประเทศ จนกระทั่ง นาง Sarah Josepha Haleบรรณาธิการ นิตยสารสตรี Godey's Lady's Book รณรงค์ต่อรัฐสภาสหรัฐในปี 1863 หรือ พุทธศักราช 2406 ประธานาธิบดี ลินคอล์นจึงประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้า เป็นวันหยุดทั่วประเทศสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้
ในปัจจุบัน วันขอบคุณพระเจ้า ฉลองกันในวันพฤหัสบดีที่สี่ในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ปรกติ
ที่ทำการรัฐบาลจะหยุดทำการกันทั้งวันพฤหัสบดีและวันศุกร์กว่าจะไปเปิดทำการกันอีกครั้งก็ในวันจันทร์ถัดมา สมาชิกในครอบครัวที่แยกย้ายกันออกไปอยู่ตามมลรัฐต่างๆ ก็มักพยายามเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านกัน ว่ากันว่า ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้านี้ มีคนเดินทางกันแน่นขนัดที่สุดในรอบปี
หนาตากว่าในช่วงวันคริสต์มาสอีก ในช่วงใกล้วันขอบคุณพระเจ้า พ่อบ้านแม่บ้าน มักจะเตรียมหาซื้อไก่งวงมันเทศ และฟักทองมาเตรียมไว้ พอถึงเช้าวันขอบคุณพระเจ้า ก็จะอบไก่งวง เตรียมเครื่องเคียงซึ่งมักประกอบไปด้วย มันเทศอบ และซ้อสแครนเบรี่ ส่วนของหวานก็มักจะได้แก่ พายฟักทอง พอสายหน่อยก็จะเปิดโทรทัศน์ดูพาเรดบัลลูนรูปต่างๆ ที่ห้างสรรพสินค้า Macys จัดให้มีเป็นประจำทุกปีในนครนิวยอร์ค พอดูพาเรดกันจบแล้ว สมาชิกในครอบครัวก็จะเริ่มรับประทานไก่งวงกัน ส่วนมากแล้ว ก็มักจะดูการแข่งขันฟุตบอลอเมริกันไปด้วยพอรุ่งขึ้น วันศุกร์ ผู้ที่ชอบการจับจ่ายใช้สอยก็มักจะออกไปหาซื้อของกันตามห้างสรรพสินค้าต่างๆอย่างแน่นขนัดเนื่องจากว่า
วันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ที่เรียกกันว่า Black Friday นี้ เป็นวันเริ่มต้น การหาซื้อของขวัญเทศกาลคริสต์มาสกัน

ดร. จิม วิชาร์ต นักวิทยาศาสตร์จากลองก์ ไอส์แลนด์ นิวยอร์ค อธิบายถึง Black Friday ว่าวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า เป็นวันที่มีคนออกไปซื้อของกันมากที่สุดในรอบปี สาเหตุที่เรียกวันนี้ว่าเป็นBlack Friday ก็เพราะว่า ผู้คนมักออกไปซื้อของกันแน่นขนัดไปหมดและเพราะว่า ห้างร้านต่างๆ ที่ไม่ค่อยจะทำกำไรได้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและต้องมีบัญชีตัวแดงสามารถทำกำไรได้ คือ มีบัญชีตัวดำ ในช่วง Black Friday นี้
คุณจิมเสริมว่า ห้างร้านต่่างๆ มักมีการรณรงค์ส่งเสริมการลดแลกแจกแถมเป็นการใหญ่พร้อมทั้ง เริ่มเปิดร้านกันตั้งแต่เที่ยงคืนกันเลยทีเดียวโดยที่การลดราคาสินค้าบางประเภท จะมีขึ้นก็เพียงภายในเวลาชั่วโมงเดียวหลังเที่ยงคืนเท่านั้น ทำให้ผู้ซื้อพากันแออัดเข้าร้านเพื่อจะได้ของถูกใจในราคาย่อมเยาว์กันในวัน BlackFriday หลังวันขอบคุณพระเจ้านี้
มีเพลงวัน Thanksgiving Day มาฝากครับ
Are you going on Thanksgiving Day
To those family celebrations?
Passing on knowledge down through the years
At the gathering of generations

Every year it's the same routine
All over, all over
Come on over, it's Thanksgiving Day

Papa looks over at the small gathering
Remembering days gone by
Smiles at the children as he watches them play
And wishes his wife was still by his side

She would always cook dinner on Thanksgiving Day
It's all over, it's all over
It's all over the American way
But sometimes the children are so far away

And in a dark apartment on the wrong side of town
A lonely spinster prays
For a handsome lover and a passionate embrace
And kisses all over, all over
All over her American face

It's all over, it's all over, it's all over

'Cause today she feels so far away
From the friends in her hometown
So she runs for the Greyhound
She'll spend hours on the bus but she'll reach town
For Thanksgiving Day

Come on over, come on over
Come on over, it's Thanksgiving Day
Come on over, come on over
Come on over, come on over
Come on over, it's Thanksgiving Day

At a truck stop a man sits alone at the bar
Estranged in isolation
It's been a while now and he seems so far
From those distant celebrations

He thinks back to all the mistakes that he made
To a time when he was so young and green
Innocent days when they both looked forward to that
Great American dream

Now it's all over, it's all over, all over
And all over America people are going home
On Thanksgiving Day

Now Papa looks out of the window
The sight brings a smile to his face
He sees all his children coming back home
Together on this special day

Come on over, come on over
Come on over, it's Thanksgiving Day
Come on over, come on over
Come on over, it's Thanksgiving Day
Come on over, come on over
Come on over, it's Thanksgiving Day
Come on over, come on over
Come on over, it's Thanksgiving Day

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Hello...halloween
31 ตุลาคมไม่ว่าจะของปีนี้หรือปีไหน หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็น วันปล่อยผีหรือวันฮาโลวีน ตามประเพณีฝรั่งต่างชาติเขา สัญลักษณ์ประจำประเพณีนี้คือ หัวฟักทองเจาะตา เจาะปาก ที่จะดูว่าน่ารักก็ได้ ดูน่ากลัวก็ไม่ใช่น้อย แต่ใครเลยจะรู้ว่าในความเป็นจริง วันฮาโลวีน นั้นเป็นวันที่มีความหมายทางศาสนามากพอกับวันคริสต์มาสเลยทีเดียว
ความเป็นมา31 ตุลาคม ถือเป็นวันสิ้นสุดฤดูร้อน ก่อนเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวเซ็ลด (Celt) ชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ซึ่งชนเผ่านี้มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า วันสิ้นสุดเดือนตุลาคมนี้ เป็นเชื่อมต่อแห่งมิติคนตายและคนเป็น และเป็นวันที่บรรดาวิญญาณผู้ทีสิ้นลมวายปราณไปในรอบปีที่ผ่านมาจะเวียนวนหาร่างของคนเป็น เพื่อสิงสู่และฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง หนึ่งในการป้องกันไม่ให้ร่างโดนวิญญาณร้ายเข้าสิงก็คือ ปิดไฟให้มืดสนิท ให้วิญญาณหนาวเย็นจนเข้าสิงร่างใครไม่ได้ แล้วลวงล่อเหล่าผีไร้ร่างเหล่านี้ด้วยการแต่งหน้า แต่งตา และแต่งตัวเป็นผี พร้อมส่งเสียงอึกทึกครึกโครมให้วิญญาณกลัวและหนีจากไป
ประเพณี
อังกฤษที่ประเทศนี้ถือว่าวันฮาโลวีนนี้เป็นวันดี เหมาะสำหรับจัดงานแต่งงาน การทำนายโชคชะตา หรือแม้แต่เรื่องความตายยังถือว่า วันนี้เป็นเพียงวันเดียวที่ภูติผีวิญญาณจะช่วยดลบันดาลให้สิ่งที่คนเป็นต้องการสามารถเป็นไปตามใจปรารถนา ประมาณเที่ยงคืนของวันฮาโลวีนสาวอังกฤษจะออกมาหว่าน และไถกลบเมล็ดป่าน พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน และท่องคาถาร้องขอให้มองเห็นภาพของว่าที่คู่ชีวิตของตนในอนาคต เมื่อสาวเจ้าเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายก้จะได้เห็นภาพนิมิตของผู้ที่จะมาเป็นสามีของตนในอนาคตอีกประเพณีหนึ่งของชาวอังกฤษ คือ การหย่อนเหรียญ 6 เพนนีลงในอ่างน้ำ พร้อมแอปเปิ้ล ผู้ใดสามารถแยกแยะของสองสิ่งนี้ออกจากกันได้โดย ใช้ปากคาบเหรียญ และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิ้ลให้ติดได้ในครั้งเดียว ผู้นั้นจะมีโชคดีตลอดปีใหม่ที่กำลังจะมาเยือน



อเมริกาประเพณีของประเทศมหาอำนาจนี้ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายกว่าประเพณีของชาวอังกฤษ นั่นก็คือ ประเพณี Trick or Treat ที่จะให้เด็กๆ แต่งหน้า แต่งตัวเป็นผีเดินไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ เพื่อร้องขอขนมเค้กสำหรับวิญญาณ (Soul cake) พร้อมกับส่งเสียงทักทายว่า "Trick or Treat" หากเจ้าของบ้านตอบว่า Trick จะถูกเด็กๆ แกล้ง แต่ถ้าตอบว่า Treat เจ้าของบ้านหลังนั้นก็ต้องนำขนมเค้กมาให้พวกเด็กจนกว่าเขาจะพอใจเด็กที่แต่งตัวเป็นภูติผีวิญญาณเปรียบเหมือนสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างคนเป็นและคนตาย โดยเจ้าของบ้านที่ให้ขนมแก่เด็กๆ สามารถฝากคำอธิษฐานไปถึงคนตายได้ด้วย ดังนั้น ยิ่งเด็กๆ ขอขนมได้มากเท่าใด วิญญาณที่ยังเวียนวนอยู่ในรกก็จะยิ่งได้รับส่วนบุญ และมีโอกาสขึ้นสวรรค์มากยิ่งขึ้นด้วย

ความเป็นไปในวันนี้ปัจจุบัน ประเพณีของทั้งสองประเทศคงเหลือแต่เพียง การแต่งกายปลอมตัวเป็นผี เพื่อการพบปะ สังสรรค์ เฮฮากันมากกว่าจะเป็นการระลึกถึงผู้ตายดั่งเช่นแต่เก่าก่อน

Hallaween Day

ประวัติความเป็นมา วัน Hallaweenประเพณีนี้ได้รับการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน นับว่าเป็นวันสำคัญอันหนึ่งของคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก ซึ่งพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตสถานได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ "ฮัลโลวีน" ไว้ดังนี้ ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่าคำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่าๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ) คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลายในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาสชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Dayทำไม วันฮาโลวีน ถึงเป็นวันที่ 31 ตุลาคม
ประวัติความเป็นมาอีกฉบับหนึ่ง ให้คำอธิบายถึงที่มาที่ไปของวันนี้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เป็นความเชื่อของชาวเซ็ลต์ (Celt) เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองในประเทศอังกฤษ โดยเชื่อว่าทุกวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันที่ประตูนรกถูกเปิดขึ้นมา บรรจบกับมิติโลกมนุษย์กันอย่างพอดี ทำให้เหล่าวิญญาณพยายามหาทางเข้าสิงมนุษย์ ซึ่งวิธีการแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเข้าสิงคือ "การปลอมตัว" ทำตัวเป็นผีเสียเอง ด้วยการตกแต่งต่างๆ นานาให้ดูน่ากลัวที่สุด เทียนและระบบทำความร้อนก็จะถูกดับ เพื่อให้ร่างกายเกิดความหนาวเย็นเปรียบเสมือนร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต ส่วนบ้านเรือนจะถูกตกแต่งให้ดูน่าสะพรึงกลัว และผู้คนต่างส่งเสียงเพื่อทำการขับไล่เหล่าวิญญาณชั่วร้ายอีกทีนึง ทั้งนี้ หลายคนต่างสงสัยว่าทำไมสัญลักษณ์ของวันฮัลโลวีน ถึงเป็นหัวฟักทองแกะสลักสีส้ม เจ้าฟักทองนั้นมีชื่อว่า Jack O Lanterns เป็นตำนานของชาวไอริช ที่เป็นนักมายากลขี้เมาและได้ทำข้อตกลงกับปีศาจตนหนึ่ง ในกรณีที่เขาเสียชีวิตแล้ว เขาขอเพียงแค่ไม่ไปทั้งสวรรค์หรือนรก เมื่อถึงคราวชีพจรดับปีศาจตนนั้นจึงมอบถ่านอันคุกรุ่นให้แก่ Jack เขาจึงนำไปใส่ไว้ในหัวผักกาดเพื่อคอยปัดเป่าความหนาวเย็น ต่อมาชาวไอรีชจึงแกะหัวผักกาด และนำถ่านมาใส่เช่นกันเพื่อเป็นสิริมงคลในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายตลอดทั้งปี เมื่อกาลเวลาผ่านไปประเพณีดังกล่าวเริ่มแพร่หลายไปสู่ประเทศอเมริกา แต่หัวผักกาดเป็นสิ่งที่หายาก จึงนำลูกฟักทองมาแกะสลักแทน และนี่คือจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์สีส้ม และสีดำ ทั้งนี้ สีดำบ่งบอกถึงความมืดมิดช่วงเวลากลางคืน ส่วนสีส้มคือแสงสว่างที่ลุกโชติ เพื่อขับไล่ปีศาจนั่นเอง

"วันฮาโลวีนนั้น"ถ้าจะแปลเอาความกันก็ได้แก่ "วันก่อนวันศักดิ์สิทธิ์" ของชาวคริสต์หรือวันสุกดิบหนึ่งวันก่อนหน้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกกำหนดให้ "วันออล เซนต์ส เดย์" หรือวันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวันฉลองบรรดานักบุญต่าง ๆ ที่เริ่มกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 ดังนั้น เทศกาลฮาโลวีนนี้ชาวคาทอลิกจึงพากันเข้าโบสถ์ไปทำพิธีสวดกันเหนื่อยนานกว่าปกติสักหน่อย และในเวลาเดียวกันก็มีการร่วมฉลองแก้เหนื่อย หรือทำให้มันเหนื่อยหนักขึ้นพร้อม ๆ กันไปด้วย คติเดิมในการจัดวันฮาโลวีนนี้มีย้อนหลังไปก่อนคริสต์กาล สมัยก่อนที่คริสต์ศาสนาจะแพร่ขยายเป็นที่นับถือกันไปทั่วยุโรปนั้น ชาวเผ่าเซลท์ที่อาศัยอยู่ในยุโรปตอนเหนือ และยุโรปตะวันตก ซึ่งนับถือดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้าได้ถือเอาวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันสิ้นปีเก่าของพวกตน ที่ต้องมีพิธีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการละเล่นรอบกองไฟ ช่วงปลายเดือนตุลาคมนั้น ก็ยังเป็นระยะสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวของชาวเผ่าเซลท์ครั้งกระโน้น ใบไม้ตามไพรพฤกษ์ก็ปลิดตัวจากขั้วร่วงหล่นลงกองกับพื้นดิน แสดงสัญญาณว่า ฤดูหนาวกำลังย่างใกล้าเช้ามาแล้ว และราตรีก็กำลังสยายปีกแผ่คลุมโลกยาวนานกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ของปี จึงเป็นช่วงที่นักบวชดรูอิสของชาวเซลท์จะเริ่มทำพิธีบนบวงพระอาทิตย์ผู้เป็นเจ้าที่กำลังจะมาเยือนโลกสั้นลง พร้อมกันไปกับงานรื่นเริงปลอบใจผู้คนส่งท้าย เวลาเดียวกันนี้ ก็เป็นยามที่บรรดาแกะและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่ปล่อยทิ้งให้เล็มหญ้าหากินตามท้องทุ่งถูกต้อนกลับเข้าคอก ชาวเซลท์ก็จะเริ่มปรับปรุงกฎหมายของตน และมีการต่อสัญญาเช่ากันในโอกาสนี้ด้วยและเนื่องจากพฤศจิกายนเป็นเดือนที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน ความมืดที่อ้อยอิ่งมาช้านานหลายเดือนในแถบยุโรปเหนือ ทำให้คติของความเชื่อและการฉลองปรากฏออกมาในรูปของภูตผีปิศาจ เรื่องของพ่อมดหมอผีเทพธิดาที่จะปรากฎออกมากันชุกชุมอยู่บนโลกตามบรรยากาศแห่งความมืดมัว
ความเชื่อดังกล่าวนี้ยังมีอยู่แต่ดั้งเดิมด้วยว่าวันฮาโลวีนคือวันที่บรรดาวิญญาณผู้ทีสิ้นลมวายปราณไปในรอบปีที่ผ่านมานั้นจะได้รับการตัดสินความดีความชั่วที่ตนกระทำไปแล้วเมื่อยังมีชีวิตอยู่ และชดใช้บาปกรรมของตนโดยพระเจ้าแห่งความตาย และเพราะเหตุนี้จึงถือกันว่า วันฮาโลวีนเป็นวันที่มีภูตผีปิศาจเพ่นพ่านอยู่ทั่วไป บรรยากาศของการจัดงานจึงเต็มไปด้วยเรื่องของภูตผีปิศาจ ในอเมริกานั้น ยังมีความเชื่อกันอยู่ว่า แม้แต่ในทำเนียบขาวอันเป็นที่พักประจำตำแหน่งของประธานาธิบดี ยังมีอดีตประธานาธิบดีหลายท่านที่ล่วงลับไปแล้วมักชอบมาปรากฎตัวในวันฮาโลวีนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีจอห์น อดัมส์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เริ่มพำนักในทำเนียบขาว หรือแม้แต่อับราฮัม ลินคอร์น ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของชาวอเมริกันที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และอาศัยในทำเนียบขาวในยุคสงครามกลางเมือง ก็ยังมีผู้เคยเห็นร่างอันสูงโย่งของท่าน ยืนปรากฏให้เห็นหลังบานหน้าต่างบานเดียวกันกับที่ท่านชอบยืนเมื่อมีท่านผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ในระหว่างสงครามกลางเมือง
สมัยโบราณ ชาวอังกฤษเป็นพวกที่รับประเพณีจัดงานวันฮาโลวีนไปจากพวกเผ่าเซลท์มากกว่าคนอื่น ๆ และนำเอาวันนี้มาใช้มากมายในโอกาสเกี่ยวกับเรื่องของการแต่งงาน การทำนายโชค สุขภาพ แม้กระทั่งความตายที่ถือกันว่า มีเพียงวันนี้วันเดียวที่วิญญาณภูตผีทั้งหลายจะช่วยบันดาลให้ตนสมใจปรารถนา สาว ๆ อังกฤษสมัยโน้นจะออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยงคืนของวันฮาโลวีนพร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า "เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหว่าน จงช่วยบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตจองข้าปรากฏตัวให้เห็น " และเมื่อทำต่อไปตามเคล็ด คือเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของเจ้าหล่อน สายรายนั้น ๆ ก็จะได้เห็นถึงนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเอาแอปเปิลกับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงไปในอ่างน้ำ และหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยปาก คาบเหรียญขึ้นมา และใช้ช้อนจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวจะถือว่า ผู้นั้นจะมีโชคดีไปตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง
การฉลองเทศกาลวันฮาโลวีนในอเมรีกาที่มาเฟื่องฟูมากกว่าคนอื่น ๆ เขาในปัจจุบันนี้เริ่มมาแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1840 อันเป็นระยะที่ชาวไอริสเชื้อสายเซลท์ เดินทางอพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกากันเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้นำเอาประเพณีการฉลองวันฮาโลวีนติดมือมาด้วย
ตามเฉลียงหน้าบ้านเกือบทุกบ้าน จะมีลูกฝักทองที่คว้านไส้ออก และเจาะทำตาจมูก และปากที่แสยะยิ้ม วางไว้ต้อนรับโดยภายในฟักทองมีเทียนจุดตั้งอยู่ เราจะขึ้นไปที่หน้าประตูบ้านนั้น ๆ กดกริ่ง พอมีคนมาเปิดประตูให้ เราก็จะถามว่า "Take or Treat ? " หรือ "จะยอมให้ขนมเสียดี ๆ หรือจะต้องออกแรงแสดงอภินิหารกัน ? " แล้วเจ้าของบ้านก็จะเอาขนมมาแจกให้ หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางต่อไปยังบ้านอื่น ๆ ขอขนมอย่างนี้จนกว่าจะอิ่ม หรือเมื่อย " เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเอาแอปเปิลกับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงไปในอ่างน้ำ และหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยปาก คาบเหรียญขึ้นมา และใช้ช้อนจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวจะถือว่า ผู้นั้นจะมีโชคดีไปตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง คนไทยปัจจุบันรู้จัก เทศกาลฮัลโลวีน เหมือนกับที่รู้จักเทศกาลต่าง ๆ ตามประเพณีของชาวยุโรป เช่น อีสเตอร์ วันขอบคุณพระเจ้า และวันคริสต์มาส หรือวันวาเลนไทน์ ในคืนวันฮัลโลวีน สถานที่บันเทิงต่าง ๆ ในกรุงเทพมักจะจัดงานโดยเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวยามราตรีแต่งกายด้วยชุดแฟนซีสวมหน้ากากเป็นปิศาจรูปร่างต่าง ๆ กัน ดังจะเห็นได้จากประกาศเชิญชวนให้มาร่วมงานในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี
ประเพณีต่าง ๆ ที่ถือปฏิบัติว่าเป็นการฉลองเทศกาลฮัลโลวีน
Rick-or-Treating กิจกรรมนี้จัดเป็นกิจกรรมหลัก สำหรับเด็ก ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในตอนกลางคืน เด็ก ๆ จะแต่งตัวด้วยหน้ากากผี และเดินไปเป็นกลุ่ม เพื่อเคาะประตูบ้านของเพื่อนบ้าน โดยกล่าวคำว่า trick or treat เพื่อนบ้านจะให้ขนม ลูกกวาด ผลไม้ หรือ เศษสตางค์ เด็กบางกลุ่มจะจัดกิจกรรม trick or treat นี้เพื่อองค์การยูนิเซพ (UNICEF) ซึ่งเป็นองค์การจัดหาเงินทุนเพื่อเด็กทั้งโลกที่ยากจนขององค์การสหประชาชาติ พวกเขาจะถือกล่องรับบริจาคเงินอย่างเป็นทางการขององค์การสหประชาชาติสีส้มดำ เพื่อนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปจัดหาอาหาร ยารักษาโรค และการบริการด้านอื่น ๆ เพื่อเด็กที่ขาดเคลนทั้งโลก
เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ที่ออกไปทำกิจกรรม trick or treat เด็ก ๆจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีอ่อน หรือเสื้อผ้าที่มีสีสะท้อนแสง เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะมองเห็นได้ง่ายเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อีกทางหนึ่ง ผู้ปกครองบางคนเกรงว่า การใส่หน้ากาก จะทำให้เด็ก ๆ มองเห็นได้ไม่ชัดเจน จึงนิยมใช้เครื่องสำอางแต่งปน้าให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ผู้ปกครองมักจะเตือนให้เด็กๆ รับประทานเฉพาะขนมหรือลูกกวาดที่บรรจุในหีบห่ออย่างดีเท่านั้น ชุมชนบางแห่งประกาศเวลาการทำกิจกรรม trick or treat อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับการมาเยือนของเด็ก ๆ และเป็นการเตือนให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะได้ระมัดระวังการใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นพิเศษด้วย
Jack-O'-Lanterns การทำ Jack-O'-Lanterns คือ การคว้านเมล็ดในของผลฝักทองออกให้หมดแล้วเจาะด้านหนึ่งของผลฝักทองให้เป็นรูปหน้าคนโดยมี ตา จมูก และปาก และใส่เทียนไข หรือโคมไฟประเภทอื่น ๆ ไว้ภายใน เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ชาวอังกฤษและชาวไอริชในสมัยโบราณเคยใช้หัวผักกาด (beets) มันฝรั่งและหัวเทอร์นิบ (turnips) เป็นโคมไฟในวันฮัลโลวีน เมื่อเทศกาลฮัลโลวีนแพร่หลายมาสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเปลี่ยนมาใช้ผลฝักทองแทน เหตุที่ได้ชื่อว่า Jack-O'-Lantern เนื่องมาจากชายคนหนึ่งที่ชื่อ Jack ซึ่งเป็นคนขี้เหนี่ยวมาก เมื่อเสียชีวิตไปเขาไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้และไม่สามารถเข้าไปในนรกได้เช่นกัน เนื่องจากเขาชอบ ล้อเล่นกับปิศาจ เมื่อเสียชีวิตลงเขาจึงต้องเดินเตร็ดเตร่อยู่บนโลก เพื่อรอวันพิพากษา (Judgement Day)
การทำนายโชคชะตา (Fortunetelling) การทำนายโชคชะตา เริ่มขึ้นในยุโรปหลายร้อยปีมาแล้ว และกลายเป็นส่วนสำคัญในเทศกาลฮัลโลวีน การทำนายนี้ทำโดยการนำแหวนเงินเหรียญ หรือ ปลอกนิ้ว (สำหรับสตรีใส่เย็บผ้า) ไปซ่อนไว้ในขนมเค็กและอาหาร หากใครพบเหรียญจะเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยในอนาคต ผู้ที่พบเหวนจะได้แต่งงาน ปัจจุบันนิยมทำนายโชคชะตาด้วยการอ่านจากไพ่หรือการอ่านลายมือมากกว่า นอกเหนือจากกิจกรรมต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว ในประเทศอังกฤษมีการเล่นเกมส์คาบแอปเปิล เพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะอีกด้วย ในอดีตคนส่วนใหญ่เชื่อว่า ปิศาจจะออกมาท่องเที่ยวในโลกมนุษย์ในคืนวันที่ 31 ตุลาคมเพื่อทำพิธีบูชาปีศาจทั้งหลาย แม้ว่าในปัจจุบัน ไม่มีใครเชื่อในเรื่องพ่อมดแม่มดหรือภูติผีปิศาจ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในวันฮัลโลวีนก็ยังคงเป็นการแต่งกายเป็นปีศาจหรือพ่อมดแม่มดอยู่เช่นที่เคยปฏิบัติมา

Cardbirthday

Cardbirthday

work

work

Before

Before

After

After